แมนฯ ซิตี้ เปิดหัวสวยใน UCL ด้วยชัยเหนือ นาโปลี 2-0
เกมเปิดสนามรอบแบ่งกลุ่มศึก ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก 2025/26 จบลงด้วยชัยชนะของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เปิดบ้านอัด นาโปลี 2-0 โดยได้ประตูจาก เออร์ลิง ฮาลันด์ และ เฌเรมี โดกู ขณะเดียวกัน นาโปลีต้องเล่น 10 คนตั้งแต่นาทีที่ 21 จากใบแดงของ โจวานนี่ ดิ ลอเรนโซ่
บทความนี้จะพาไปเจาะลึกการเล่นของทั้งสองทีม พร้อมบทวิเคราะห์เชิงแท็กติก จุดเปลี่ยนของเกม และผลกระทบในระยะยาวต่อกลุ่ม
จุดเปลี่ยนของเกม: ใบแดงที่เปลี่ยนทุกอย่าง
นาโปลีเสียเปรียบอย่างมากเมื่อกัปตันทีม โจวานนี่ ดิ ลอเรนโซ่ โดนใบแดงตั้งแต่นาทีที่ 21 หลังทำฟาวล์หนักใส่ ฮาลันด์ ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้เกมเปลี่ยนจากการดวลสูสี กลายเป็นการบุกหนักฝ่ายเดียวของทีมเจ้าบ้าน
แมนฯ ซิตี้: คุมเกมเหนือชั้น พร้อมจบสกอร์เฉียบคม
1. คุมจังหวะเกมอย่างมีประสิทธิภาพ
แม้จะได้เปรียบตัวผู้เล่นเร็ว แต่แมนฯ ซิตี้ไม่เร่งร้อนเกินไป ใช้การครองบอลและขยี้เกมริมเส้นอย่างเป็นระบบ
2. ฮาลันด์ คืนฟอร์ม – ยิงประตูที่ 50 ใน UCL
เออร์ลิง ฮาลันด์ ซัดเปิดหัวในนาทีที่ 56 และกลายเป็นนักเตะที่ยิงถึง 50 ประตูในยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ได้เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์
3. โดกู ปิดกล่องด้วยสปีดและทักษะเฉียบ
ประตูที่สองในนาทีที่ 65 จากเฌเรมี โดกู แสดงให้เห็นถึงความหลากหลายในแนวรุกของแมนฯ ซิตี้ ซึ่งจะเป็นอาวุธสำคัญในเกมต่อๆ ไป
นาโปลี: เสียเปรียบตัวผู้เล่น ทำเกมรุกไม่ขึ้น
หลังจากเหลือ 10 คน นาโปลีพยายามตั้งรับลึกและรอสวนกลับ แต่ไม่สามารถสร้างโอกาสที่มีคุณภาพได้เลย
- ขาดความหลากหลายในเกมรุก
- พื้นที่ถูกบีบจากการเพรสสูงของแมนฯ ซิตี้
- การเปลี่ยนตัวแทบไม่ได้ช่วยเพิ่มมิติในเกมรับ-รุก
สรุปผล และผลกระทบในกลุ่ม
- แมนฯ ซิตี้ ขึ้นนำเป็นจ่าฝูงกลุ่ม พร้อมโมเมนตัมและความมั่นใจเต็มเปี่ยม
- นาโปลี ต้องกลับไปวางแผนใหม่ โดยเฉพาะเรื่องวินัยในเกมรับ
- ฟอร์มของฮาลันด์และโดกู เป็นสัญญาณเตือนสำหรับทุกทีมในกลุ่ม
บทวิเคราะห์หลังเกม
- เป๊ป กวาร์ดิโอลา จัดทัพได้ยอดเยี่ยม พร้อมโรเตชันที่ไม่เสียสมดุลเกม
- การครองบอลและใช้พื้นที่ เป็นจุดแข็งที่นาโปลีรับมือไม่ไหว
- นาโปลีต้องเสริมแท็กติกในการเล่นเกมรับเมื่อเสียเปรียบตัวผู้เล่น หากต้องการผ่านเข้ารอบ







แสดงความคิดเห็น