ลิเวอร์พูล คืนฟอร์ม บุกอัด แฟร้งค์เฟิร์ต 5-1 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก
หลังเจอช่วงเวลามืดมนแพ้รวด 4 นัดติด ลิเวอร์พูลของ อาร์เน่อ สลอด กลับมาปลดล็อกได้ในจังหวะสำคัญ ด้วยฟอร์มสุดเฉียบในเกมบุกถล่ม ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต 5-1 บนเวทียูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก คืนความมั่นใจเต็มถัง
ฝั่งเจ้าบ้านนำโดย ดิโน ทอปโมลเลอร์ ลูกชายของตำนานโค้ช เคลาส์ ทอปโมลเลอร์ จัดทีมในระบบ 3-4-3 เน้นรุกเต็มสูบแต่เกมรับยังรั่วเหมือนเดิม เกมนี้ยังใช้ ค็อค อดีตกองหลังลีดส์ สวมปลอกแขนกัปตัน และมี ริตสุ โดอัน ปีกทีมชาติญี่ปุ่นคอยสร้างสรรค์เกมริมเส้น
ส่วนฝั่งลิเวอร์พูล สลอดเลือกโรเตชันชัดเจน — พัก โม ซาล่าห์ แล้วใช้ เอกิติเก้ จับคู่ อีซัค ในแดนหน้า โดยยืนในระบบรับ 4-4-2 เวียรตส์ กับ กัคโป ขึ้นริมเส้น ขณะที่ โจนส์ กับ โซโบสไล คุมจังหวะกลางสนาม
แต่พอครองบอล สลอดสลับเป็น 3-2-2-3 ให้ เวียรตส์ ขยับขึ้นเป็นเบอร์ 10 และ ฟริมปง เติมทางขวา (ก่อนเจ็บตั้งแต่นาที 18 แล้วให้ แบรดลีย์ ลงแทน)
ช่วงต้นเกม ลิเวอร์พูลพลาดโอกาสทองหลายครั้ง — นาที 7 อีซัค ได้หลุดเดี่ยวแต่ยิงติด เซตเตอเร่อ นายประตูเจ้าบ้าน นาที 10 ก็เกือบได้อีกจากจังหวะสวนกลับของ เวียรตส์ และ เอกิติเก้ แต่ก็ยังไม่ผ่านมือเซตเตอเร่อ
แล้วสิ่งที่เป็นปัญหาเดิมก็โผล่มาอีกครั้ง นาที 26 เวียรตส์ เสียบอลตรงริมเส้นจนโดนสวน คริสเตียนเซน ยิงลอดขา โรเบิร์ตสัน เข้าไปให้แฟร้งค์เฟิร์ตนำก่อน 1-0
แต่เกมนี้ ลิเวอร์พูลไม่แผ่ว นาที 35 สวนกลับเร็วจาก โรเบิร์ตสัน เปิดยาวให้ เอกิติเก้ ใช้สปีดพาบอลตัดเข้าในก่อนยิงตีเสมอ 1-1 สวยงาม จากนั้นลูกตั้งเตะกลายเป็นทีเด็ด — นาที 39 ฟาน ไดจ์ค์ โหม่งแซงนำ 2-1 และนาที 45 โกนาเต้ โขกอีกลูกจากเตะมุมของ โซโบสไล ปิดครึ่งแรกนำ 3-1
ครึ่งหลัง สลอดปรับแผนอีกครั้ง ส่ง เคียซ่า ลงแทน อีซัค เกมรุกดูต่อเนื่องกว่าเดิม แฟร้งค์เฟิร์ตยังเน้นรับแดนสอง จนกลายเป็นโดนลิเวอร์พูลครองบอลแทบทั้งเกม
นาที 66 เกมสวนกลับที่สวยสุดของแมตช์ โซโบ ตัดบอลกลางสนามแล้วลากขึ้นมาก่อนจ่ายให้ เวียรตส์ ไหลต่อให้ กัคโป ยิงเข้าไป 4-1 จังหวะต่อเนื่องนาที 70 เวียรตส์ แอสซิสต์อีกครั้งให้ โซโบ ยิงเสียบมุมปิดกล่อง 5-1
เวียรตส์ จบเกมนี้ด้วย 2 แอสซิสต์ ฟอร์มสุดโดดเด่น เช่นเดียวกับ โซโบสไล ที่คุมเกมและยิงปิดงานได้เอง ถือเป็นเกมเรียกความมั่นใจสำคัญในศึกยุโรป หลังแพ้มา 4 นัดติดทุกรายการ
ชัยชนะนี้ไม่ใช่แค่ตัวเลขในสกอร์ แต่เป็นสัญญาณว่าทีมเริ่มกลับมาจูนระบบได้อีกครั้ง โดยเฉพาะการยืนคู่หน้า เอกิติเก้–อีซัค ที่ดูมีอนาคต ส่วนตอนท้ายเกม สลอดยังลองให้ ซาล่าห์ ลงมาจับคู่ เคียซ่า อีกด้วย
เกมต่อไป ลิเวอร์พูลจะออกไปเยือน เบรนท์ฟอร์ด ซึ่งเป็นบททดสอบอีกแบบ เพราะต้องเจอกับบอลโด่งและเกมเพรสเร็วที่ต่างจากแฟร้งค์เฟิร์ตอย่างสิ้นเชิง
🎉 สมัครสมาชิกวันนี้!
🌟 ลุ้นรับสิทธิพิเศษและร่วมสนุกกับกิจกรรมดีๆ มากมาย
📲 คลิกที่นี่เลย 👉 https://line.me/R/ti/p/@pz99
แมนยู ปลื้ม! แพทริค ดอร์กู ฟูลแบ็กพลังสูง ครอง 6 สถิติอันดับหนึ่ง พรีเมียร์ลีก
จุดเริ่มตำนานลูกหนังริมเทมส์ วันที่ชื่อ “Fulham St Andrew’s” ปรากฏบนกระดาษแข่งครั้งแรก






แสดงความคิดเห็น