การแข่งขันฟุตบอลโลกรอบชิงชนะเลิศ ปี 2022 ระหว่าง อาร์เจนตินา และ ฝรั่งเศส ที่สนามลูซัยล์ ประเทศกาตาร์ ถูกยกย่องว่าเป็นหนึ่งในเกมฟุตบอลที่น่าตื่นเต้นและดราม่าที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยเกมนี้มีบทสรุปที่เหลือเชื่อและเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย
ครึ่งแรก: การครองเกมของอาร์เจนตินา
อาร์เจนตินาเริ่มต้นเกมได้อย่างยอดเยี่ยมและสามารถครองเกมได้อย่างเบ็ดเสร็จ ลิโอเนล เมสซี่ ยิงประตูขึ้นนำจากลูกจุดโทษในนาทีที่ 23 และอีก 13 นาทีต่อมา อังเคล ดิ มาเรีย ก็ทำประตูที่สองจากการเข้าทำที่ยอดเยี่ยม ทำให้จบครึ่งแรกด้วยสกอร์ อาร์เจนตินา 2-0 ฝรั่งเศส ซึ่งหลายคนมองว่าเกมได้จบลงแล้ว
ครึ่งหลัง: การกลับมาของฝรั่งเศส
ฝรั่งเศสดูเหมือนจะไม่มีทางกลับมาได้ แต่แล้วในช่วงท้ายเกม คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ก็จุดประกายความหวังด้วยการยิงจุดโทษในนาทีที่ 80 และตามด้วยการยิงประตูที่สองในอีกไม่กี่วินาทีต่อมา ทำให้สกอร์กลับมาเท่ากันที่ 2-2 และเกมต้องเข้าสู่ช่วงต่อเวลาพิเศษ
ช่วงต่อเวลาพิเศษและดวลจุดโทษ: บทสรุปที่ดราม่าที่สุด
ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ทั้งสองทีมต่างผลัดกันยิงประตู เมสซี่ ทำประตูที่สามให้กับอาร์เจนตินาในนาทีที่ 108 แต่ เอ็มบัปเป้ ก็สามารถยิงจุดโทษตีเสมอได้สำเร็จในนาทีที่ 118 ทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นคนที่สองที่ทำแฮตทริกได้ในรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก และจบด้วยสกอร์ 3-3 ต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ
ในช่วงการดวลจุดโทษ ผู้รักษาประตูของอาร์เจนตินาอย่าง เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการเซฟลูกยิงของฝรั่งเศสได้ถึงสองครั้ง และท้ายที่สุดอาร์เจนตินาก็เป็นฝ่ายชนะไป 4-2 ทำให้พวกเขาสามารถคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกสมัยที่สามไปครองได้ในที่สุด
ชัยชนะครั้งนี้มีความหมายอย่างยิ่งใหญ่สำหรับ ลิโอเนล เมสซี่ เพราะเป็นการคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกครั้งแรกและครั้งเดียวในชีวิตการค้าแข้งของเขา ซึ่งทำให้เขากลายเป็นนักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลอย่างสมบูรณ์แบบ
areastep








แสดงความคิดเห็น